![]() แม้ว่าในองค์กรต้นสังกัดที่นักวิชาชีพห้องสมุดและสารสนเทศปฏิบัติงานอยู่นั้น จะมีการกำหนดคำอธิบายลักษณะงาน ขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ และสมรรถนะเพื่อการประเมินผลการทำงานของผู้ปฏิบัติงานสารสนเทศแตกต่างกันไปตามพันธกิจของแต่ละองค์กรอยู่แล้ว แต่ความพยายามในการที่จะจัดทำมาตรฐานเพื่อประเมินความรู้และทักษะในวิชาชีพก็ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สำหรับเนื้อหาที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างจากงานวิจัยของสถาบันรับรองเพื่อนักวิชาชีพห้องสมุดและสารสนเทศแห่ง สหราชอาณาจักร (Chartered Institute of Library and Information Professionals - CILIP, 2012) ที่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากนายจ้าง ห้องสมุด หน่วยงานบริการสารสนเทศและความรู้ สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการด้านสารสนเทศและการเรียนรู้ แล้วนำข้อค้นพบจากการวิจัยดังกล่าวมาพัฒนาเป็นฐานความรู้และทักษะสำหรับวิชาชีพ (Professional Knowledge and Skills Base - PKSB) สำหรับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการประเมินความรู้ ความสามารถ ทักษะการทำงาน และคุณลักษณะของบุคลากรสารสนเทศที่จำเป็นต่อการพัฒนา จัดการศึกษาและฝึกอบรมขั้นสูงแก่นักวิชาชีพในสหราชอาณาจักร ภาพประกอบด้านล่างแสดงขอบเขตเนื้อหาที่ปรากฏในฐานความรู้และทักษะสำหรับวิชาชีพห้องสมุดและสารสนเทศ ซึ่งจำแนกออกได้สองหมวดใหญ่ คือ ทักษะทั่วไป (แบ่งย่อยได้อีกจำนวน 4 ทักษะย่อย) และความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (แบ่งย่อยได้อีกจำนวน 8 ด้าน) โดยผมจะขอสรุปประเด็นที่เกี่ยวกับทักษะทั่วไปมานำเสนอในบล็อกนี้เป็นตอนแรกนะครับ ที่มา: Chartered Institute of Library and Information Professionals. (2012). “What is in the Professional Knowledge and Skills Base?.” [Online]. Retrieved April 20, 2013, from http://www.cilip.org.uk/jobs-careers/professional-knowledge-and-skills-base/What-is-in-the-PKSB/Pages/ What%20is%20in%20the%20PKSB.aspx ตามมาตรฐานของ CILIP แล้ว ทักษะทั่วไปที่นักวิชาชีพห้องสมุดและสารสนเทศจำเป็นต้องมี ควรประกอบด้วย 4 ทักษะต่อไปนี้ 1) ภาวะผู้นำและการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (leadership & advocacy) นักวิชาชีพห้องสมุดและสารสนเทศต้องมีภาวะผู้นำด้วยการสร้างแรงบันดาลใจและรู้จักการจัดการกับตนเองและทีมงาน สร้างค่านิยมเชิงบวกของห้องสมุด หน่วยงานบริการสารสนเทศ และศูนย์ความรู้ ให้เป็นที่ตระหนักในองค์การทั้งภายใน และภายนอก ตลอดจนสังคมโดยรวม ทักษะด้านนี้ยังรวมถึงความสามารถในการโน้มน้าวให้กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของหน่วยงานได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบริการสารสนเทศด้วย 2) การวางแผนและการบริหารเชิงกลยุทธ์ (strategy planning & management) ผู้ปฏิบัติงานสารสนเทศต้องรู้จักการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในระยะยาว สามารถลงมือปฏิบัติตามแผนภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ 3) การมุ่งเน้นที่ผู้รับบริการ การออกแบบงานบริการ และการตลาด (customer focus, service design & marketing) บุคลากรสารสนเทศต้องมีความเข้าใจในความต้องการของผู้ใช้สารสนเทศ และรู้จักเลือกวิธีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคุณค่าและประโยชน์อันเกิดจากทรัพยากรสารสนเทศและบริการต่าง ๆ ให้ผู้รับบริการได้รับรู้ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน่วยงานบริการสารสนเทศ 4) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (IT & communication) รู้จักใช้ทรัพยากรสารสนเทศและระบบสารสนเทศสมัยใหม่ เช่น ฐานข้อมูล เว็บ ซอฟต์แวร์ โปรแกรมบนอินเทอร์เน็ต สื่อสังคม พร้อมทั้งยังต้องรู้จักที่จะจัดหาทรัพยากรและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์/ดิจิทัลที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่ายมาให้บริการในหน่วยงาน ส่วนทักษะการสื่อสารนั้น นักสารสนเทศต้องมีทักษะในการพูด เขียน และนำเสนอต่อสาธารณชน รู้จักการสร้างเครือข่ายหรือกลุ่มความร่วมมือ และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผล ส่วนตอนที่ 2 ผมจะได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
0 Comments
|
Archives
December 2015
Categories
All
|